ฉีดสิวแล้วเป็นรอยบุ๋มยุบตัว เกิดจากอะไรดูแลได้อย่างไรบ้าง ? (Skin atrophy after intralesional steroid injection for nodulocystic acne treatment )

Last updated: 26 ก.ค. 2566 | 9676 จำนวนผู้เข้าชม |

ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล

ฉีดสิวแล้วเป็นรอยบุ๋มยุบตัว เกิดจากอะไรดูแลได้อย่างไรบ้าง ?

(Skin atrophy after intralesional steroid injection for nodulocystic acne treatment )

https://youtu.be/6bH-IKnfuXw

การฉีดสิว คือ การฉีด steroid เข้าไป “ใน” สิว เพื่อลดการอักเสบ
รอยบุ๋ม skin atrophy เป็นผลข้างเคียงของ steroid นอกจากการบุ๋มยุบตัว แล้วอาจจะมีความซีดขาว hypopigmentation ร่วมกับเส้นเลือดขยาย Telangiectasia ครับ

สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยบุ๋มยุบตัวหลังจากฉีดสิว เช่น
1. ฉีด Steroid ความเข้มข้นสูงไป
2.ปริมาณมากเกินไป
3. ฉีดชั้นลึกไป เช่นลึกถึงชั้นไขมันทำให้เกิดการยุบตัว

ฉีดสิวแล้วเป็นรอยบุ๋มยุบตัว เกิดจากอะไรดูแลได้อย่างไรบ้าง ? (Skin atrophy after intralesional steroid injection for nodulocystic acne treatment )

•ในการรักษาสิว ควรใช้การฉีดสเตียรอยด์ เฉพาะเมื่อสิวอักเสบ เป็นก้อนนูนหรือเป็นถุงซีสต์ cysts and inflammatory papules
•ความเข้มข้นและปริมาณต้องเหมาะสมเช่น ความเข้มข้นประมาณ 2.5 mg/ml มิลลิกรัมต่อมิลลิต่อลิตร เป็นสิ่งที่ใช้มากที่สุด สำหรับจุดผิวหนังที่มีปัญหา เควรฉีดปริมาณประมาณ 0.05 มิลลิลิตรไปยังจุดกลางของรอยผิวที่มีปัญหา
•การยุบตัวพบได้โดยส่วนมากมักจะนานกว่า 3-6 เดือนหรือมากกว่า 6 เดือนครับ

“สิวเม็ดไหนฉีดสิวได้บ้าง ?”
ปกติเราฉีด steroid เข้าไปใน สิวอักเสบ/สิวที่เป็นซีสต์
เพื่อ ให้การอักเสบหายเร็วขึ้น + ลดโอกาสเกิดแผลเป็น
โดยสิวอักเสบมักยุบภายใน 48-72 ชม
ผลข้างเคียง: ผิวหนังฝ่อ, สีผิวจางลง, เส้นเลือดฝอยขยายตัว, ขนขึ้น
จึงควรฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะครับ

**โดยปกติ รอยบุ๋มจะดีขึ้นเอง ~ 3- 6 เดือน
หากไม่ดีขึ้น แนะนำพบหมอผิวหนังนะครับ

•ในการรักษาสิว ควรใช้การฉีดสเตียรอยด์ เฉพาะเมื่อสิวอักเสบ เป็นก้อนนูนหรือเป็นถุงซีสต์ cysts and inflammatory papules
•ความเข้มข้นและปริมาณต้องเหมาะสมเช่น ความเข้มข้นประมาณ 2.5 mg/ml มิลลิกรัมต่อมิลลิต่อลิตรเป็นสิ่งที่ใช้มากที่สุด สำหรับจุดผิวหนังที่มีปัญหา เควรฉีดปริมาณประมาณ 0.05 มิลลิลิตรไปยังจุดกลางของรอยผิวที่มีปัญหา
•การยุบตัวพบได้โดยส่วนมากมักจะนานกว่า 3-6 เดือนหรือมากกว่า 6 เดือนครับ

แล้วทำไมต้องฉีด ฉีดสิวทุกเม็ดเลยหรือเปล่า ฉีดแล้วจะมีผลเสียอะไรกับผิวหน้าไหม ?
สิวควรฉีดหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับว่าสิวนั้นเป็นสิวชนิดไหน สามารถฉีดได้หรือเปล่า ไม่ใช่สิวทุกชนิดจะฉีดได้หมด คุณหมอต้องวินิจฉัยก่อนว่าสิวที่จะฉีดนั้นทำให้สิวยุบลงโดยไม่อักเสบขึ้นมาเยอะกว่าเดิม หรือทิ้งรอยดำในบริเวณกว้างขึ้น สิวที่ควรฉีดยานั้นควรจะเป็นสิวอักเสบ คือสิวที่มีอาการบวมแดง เม็ดใหญ่ๆ มีความนูนมาก สัมผัสแล้วเจ็บ บางทีอาจมีหนองขึ้นบนหัวสิว

•ยาที่ใช้ฉีดรักษาสิวอักเสบ คือ ยาสเตียรอยด์ (Steroid) ยาตัวนี้นิยมใช้ในการฉีด คือ ยาไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ในยาปริมาณน้อยๆและความเข้มข้นต่ำมาก
ข้อดีของการฉีดสิว คือ ช่วยลดการอักเสบ ยาจะทำให้การบวมแดงจากสิวยุบเร็วขึ้น อาการเจ็บที่สิวน้อยลง ลดความเสี่ยงจากการเกิดแผลเป็นหรือหลุมสิว เนื่องจากเวลาที่เราเป็นสิวอักเสบนานๆจะทำให้ผิวบริเวณนั้นถูกทำลายจากกลไกการอักเสบของร่างกายซึ่งเป็นที่มาของการเกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวนั่นเอง การฉีดสิวทำให้สิวยุบตัวลงอย่างรวดเร็วซึ่งช่วยลดการเกิดหลุมสิวได้ระดับหนึ่ง หลังจากที่ฉีดสิวควรทายาฆ่าเชื้อควบคู่ไปด้วย

•ข้อเสียของการฉีดสิว คืออาจจะมีอาการเจ็บตอนฉีดยา บางครั้งหากมีเส้นเลือดอยู่ใต้เม็ดสิวที่ฉีดอาจจะมีเลือดออกเป็นสีม่วงๆเขียวๆได้ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองในบางครั้ง หากอักเสบมากๆต้องใช้ยาเยอะ ยาอาจจะซึมไปข้างๆทำให้มีรอยบุ๋มขาวๆ ซึ่งเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่มาทดแทนได้เหมือนเดิม (แต่ถ้าบุ๋มจากสิวอักเสบเอง ร่างกายมักจะซ่อมแผลได้ไม่เต็ม เหลือหลุมแผลเป็นถาวร) ส่วนโอกาสแพ้ยาฉีดสิวนั้นมีได้ แต่น้อยมากๆ ซึ่งจริงๆแล้วยาทุกชนิดมีโอกาสแพ้ได้หมด

•การฉีดสิวควรฉีดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ปริมาณยาหรือสัดส่วนของยา และมีประสบการณ์ในการฉีดสิวเพราะสิวอักเสบมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ การฉีดใช้ยาไม่เท่ากัน ตำแหน่งของใบหน้าในจุดที่ฉีด ความลึกของการลงเข็ม
การฉีดยารักษาสิวเป็นอีกวิธีที่ช่วยทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้น เช่น ต้องไปงานแต่งงาน รับปริญญา หรือคนไข้ที่นานๆมีสิวอักเสบสักที มีเพียงแค่ครั้งละเม็ด สองเม็ดบนใบหน้าและไม่ได้มีเม็ดอุดตันจำนวนมาก การรักษาสิวที่มีทั้งเม็ดอักเสบและเม็ดอุดตันจำนวนมาก คงต้องให้แพทย์ประเมินสาเหตุ และจัดการการรักษาอย่างต่อเนื่องต่อไป

เทคนิคการดูแลรอยบุ๋มยุบตัวหลังการฉีดสิว ในคลิปเลยครับผม
ผลการดูแลรักษาขึ้นอยู่กับเทคนิคการรักษาและการตอบสนองของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ

Steroid injections are a form of acne treatment that are available in private clinics. Steroids, from a group known as corticosteroids, can be injected directly into an inflamed acne lesion to quickly reduce its size.

How do steroid injections work?

Steroid injections work by rapidly fighting inflammation within an acne lesion. In doing so, they reduce the number of chemical messengers within a lesion that are sending signals to white blood cells to rush in and fight the bacteria that are present. As a result, fewer white blood cells enter the lesion and less, if any, pus forms.
What are some of the side effects of steroid injections?

Possible side effects of steroid injections for acne include skin discolouration, infection and the thinning of skin tissue (atrophy). The risk of side effects increases significantly if steroid injections are used to treat smaller acne lesions. Steroid injections for acne must be carried out by a Consultant Dermatologist.
General guidance on steroid injections

Steroid injections for the treatment of acne are fast acting and often significantly reduce the size of large acne lesions, such as cysts and nodules, within 24-72 hours.
In acne, intralesional steroid injections should be used to treat cysts and inflammatory papules.
A concentration of or close to 2.5mg/mL is what is commonly used. For the average lesion, a volume of around 0.05mL is what is most commonly used to inject to the center of the lesion itself.

อ้างอิง References
Gallagher T et al. Dermatologist Use of Intralesional Triamcinolone in the Treatment of Acne. J Clin Aesthet Dermatol. 2020 Dec;13(12):41-43.

Luther CA et al. The infection rate of intralesional triamcinolone and the safety of compounding in dermatology for intradermal and subcutaneous injection: A retrospective medical record review. J Am Acad Dermatol. 2020 Oct;83(4):1044-1048.